พนันบอลออนไลน์

ข้อมมูลนักเตะ
ชื่อเต็ม แฟรงก์ เจมส์ แลมพาร์ด
เกิดเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ค.ศ. 1978 (อายุ 37 ปี)
เกิดที่ รอมฟอร์ด เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ส่วนสูง 183 เซนติเมตร
เท้าที่ถนัดเท้าขวา
ตำแหน่ง กองกลาง
สโมสรปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ประวัติการค้าแข้ง
แฟรงก์ เจมส์ แลมพาร์ด หรือทที่เรารู้จักกันว่า แลมพาร์ด เขาได้ถือกำเนิดเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ค.ศ. 1978 ณ กรุงลอนดอน เขาได้เกิดมาในตระกูลของนักฟุตบอล ซึ่งพ่อของเขาก็คือ แฟรงก์ แลมพาร์ด (ซีเนียร์) พ่อของเขาเคยเป็นอดีตกองหลังของทีมชาติอังกฤษอีกด้วย ส่วนลุงของเขาก็คือ แฮรี่ เรดแนปป์ ปัจจุบันเป็นผู้จัดการของทีม ควีนส์ปร์าค เรนเจอร์ส และยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกันกับ เจมี เรดแนปป์ เคยเป็นอดีตนักเตะของ เซาแธมป์ตัน เช่นเดียวกัน
การศึกษาเขาจบจากมหาวิทยาลัยลอนดอน และเขาคือหนึ่งในอดีตนักเตะเยาวชนของ เวสแฮมยูไนเต็ด และเคยถูกยืมตัวไปเล่นให้กับทีม สวอนซี เมื่อปี ค.ศ. 1995 และได้ย้ายมาร่วมกับทีมเชลซีเมื่อปี ค.ศ. 2001 และเขาได้ติดทีมชาติอังกฤษครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1999 และเขายังเป็ดสุดยอดมิดฟิลด์ที่ได้รับการยกย่องเป็นอย่างมาก ถึงผลงานตอนนี้ของเขาจะแผ่วลงไปมาก ไม่ว่าจะเป็นกับทั้งสโมสรหรือทีมชาติอังกฤษ และจากการที่ว่าเขาเล่นไม่เข้าขากับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันของทีม ลิเวอร์พูล ซึ่งมันน่าแปลกใจทั้งๆที่สองคนนี้เคยสนิทกันมาก แต่ทว่าแม้แต่งานแต่งงานของ เจอร์ราร์ด ก็ยังไม่มี แลมพาร์ด ไปร่วมในงานเลี้ยงนั้นด้วย เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ. 2007 ที่ผ่านมา แลมพาร์ดเป็นกองกลางที่ถือว่าทำประตูได้เยอะมาก ซึ่งเขาทำไปแล้วตอนนี้ 200 ประตู ซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร และเป็นกองกลางคนที่สองต่อจาก แมธทิว ทริสเซอร์ ที่ทำประตูมากกว่า 100 ลูกในพรีเมียร์ลีกนอกจากนนี้ แลมพาร์ดยังได้ทำสถิติ เป็นผู้เล่นคนเดียวที่ทำประตูในพรีเมียร์ลีกได้มากกว่า 10 ประตูติดต่อกันถึง 9 ฤดูกาลอีกด้วย
พนันบอลออนไลน์
แฟรงก์ แลมพาร์ด เขาเริ่มอาชีพนักฟุตบอลกับทีม เวสแฮมยูไนเต็ด โดยลงเล่นกับทีมเยาวชนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1993 และได้ทำผลงานได้ดีพอตัว อีกทั้งเขายังเป็นลูกชายของ แฟรงก์ แลมพาร์ด (ซีเนียร์) ผู้ช่วยคนสำคัญของ แฮรี่ เรดแนปป์ กุนซือของทีมขุนค้อนในจังหวะนั้นและซึ่งก็เป็นลุงของเขานั่นเอง
ฤดูกาลที่ 1994-1995 แลมพาร์ด เขาได้เซ็นสัญญาเป็นนะชักเตะกับสโมสร เวสแฮมยูไนเต็ด แต่เขาก็ยังไม่มีโอกาศได้ลงเล่นกับชุดใหญ่ และเขาก็ได้ลงเล่นให้แค่ทีมสำรองของสโมสรอื่น
ฤดูกาลที่ 1995-1996 และแล้วโอกาศที่เขาได้สัมผัสเกมกับทีมชุดใหญ่ก็ได้เกิดขึ้นในฤดูกาลนี้ โดยเขาได้ลงเล่นเป็นตัวสำรองในเกมพรีเมียร์ชิพส์ และเขาก็ได้ลงเล่นให้เวสแฮม 2 นัด ก็ถูกปล่อยตัวให้ สวอนซี ซิตี้ ทีมจากดิวิชั่น 2 ยืมตัวไป โดยเขาได้ลงเล่นให้กับสวอนซี 9 นัด และยิงไป 1 ประตู
ฤดูกาลที่ 1996-1997 หลังจากที่เขากลับมาจากการถูกยืมตัว แลมพาร์ดก็มีโอกาศได้ลงสนามกับทีมมากขึ้น โดยเขาได้ลงเล่นไป 13 นัด แต่ก็ดันมาโชคร้ายเมื่อกระดูกขาขวาของเขาแตก ในนัดที่เจอกับ แอสตัน วิลล่า เขาเลยต้องพักยาว
พนันบอลออนไลน์
ฤดุกาลที่ 1997-1998 แลมพาร์ด เขากลับมาเล่นให้ทีมได้อีกครั้ง และได้ยึดตำแหน่งตัวจริงไว้ได้สำเร็จในซีซั่นนี้ ซึ่งเขาลงเล่นไปทั้งหมด 31 นัด ทำประตูได้ 4 ลูก และได้กลายเป็นมิดฟิลด์ดาวรุ่งขวัญใจกองเชียร์ของทีม "ขุนค้อน" ด้วยผลงานที่โดเด่นของเขากับทีมสโมสร ทำให้เขามีรายชื่อติดในทีมชาติอังกฤษชุดเล็กอีกด้วย
ฤดูกาลที่ 1998-1999 เขายังคงลงเล่นให้กับเวสแฮมอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ผลงานของสโมสรจะไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่ แต่ชื่อของ แฟรงก์ แลมพาร์ด ก็ได้เข้าไปอยู่ในลิสต์ของกุนซือหลายๆคน ซึ่งในซีซั่นนี้เขาลงเล่นไป 38 นัด และซัดไป 5 ประตู
ฤดูกาลที่ 1990-2000 ซึ่งในซีซั่นนี้ เวสแฮมได้ผ่านเข้าไปเล่นใน ยูฟ่า คัพ โดยได้ผ่านการคัดเลือกจากถ้วย อิเตอร์โตโต คัพ และแลมพาร์ดก็ยังคงลงเล่นให้ทีมอย่างต่องเนื่อง โดยเขาลงเล่นไป 34 นัด ทำได้ 7 ประตู และหลังจากนั้นเขาก็มีชื่อติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ และได้ลงเล่นนัดแรกกับทีมชาติชุดใหญ่ ซึ่งเป็นการอุ่นเครื่องกับทีมชาติ เบลเยียม ที่สนาม สเตเดี้ยม ออฟไลต์ (สนามเหย้าของทีม ซันเดอร์แลนด์) เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1999
ฤดูกาลที่ 2000-2001 เขาคือนักเตะที่มีความคงเส้นคงวามากที่สุดในะพรีเมียร์ชิพ โดยในปีนี้เขาลงเล่นไป 30 นัด แลัยิงได้ 7 ปรตู แต่ผลงานของทีมก็ไม่น่าประทับใจนัก และเมื่อพอจบฤดูกาลก็มีอีกหลายทีมที่สนใจในตัวเขา และก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นในทีม เมื่อพ่อและลุงของเขาถูสโมสรไล่ออก จึงทำให้เขาไม่มีความสุขกับทีมต้นสังกัด และก็เป็นชายผู้นี้ เกลาดิโอ รานีเอรี กุนซือของทีมเชลซีได้ยื่นข้อเสนอเป็นเงิน 11 ล้านปอนด์ เพื่อขอซื้อตัวเขาไปร่วมทัพ
พนันบอลออนไลน์
ฤดูกาลที่ 2001-2002 เขาได้เซ็นสัญญามาร่วมทัพกับทีม เชลซี โดยเซ็นเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ค.ศ. 2001 ด้วยค่าตัวมูลค่า 11 ล้านปอนด์ และได้เริ่มต้นชีวิตการค้าแข้งที่ท้าทายใหม่ๆอีกครั้ง โดยเขาลงเล่นเป็นกองกลางและได้ยืนคู่กับ เอมมานูเอล เปอตี ซึ่งถือเป็นคู่กองกลางที่แข็งแกร่งมาก เขาได้พาทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ในฤดูกาลแรกของทีมสิงโตน้ำเงินคราม แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อนัดชิงได้พ่ายให้กับ อาร์เซน่อล ซึ่งฤดูกาลนี้เองที่อาร์เซน่อลได้คว้าดับเบิ้ลแชมป์เป็นครั้งที่ 2 แลม พาร์ด ลงเล่นไปทั้งหมด 37 นัด ยิงไป 5 ประตู และอีก 1 ประตูจาก 4 เกม ในยูฟ่าคัพ ถึงแม้ว่าฤดูกาลนี้เขาจะโชว์ผลงานได้ดี แต่ก็ไม่มีชื่อติดทีมชาติไปฟุตบอลโลก 2002 ที่ญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้
ฤดูกาลที่ 2002-2003 จากความผิดหวังที่เขาไม่มีรายชื่อติดทีมชาติไปเล่นบอลโลก เขาจึงตั้งใจฝึกซ้อมและเล่นให้ดีมากกว่าเดิม และเขาพยายามอย่างยิ่งที่จะยึดตำแหน่งตัวจริงในทีมชาติอังกฤษให้ได้ และเขาก็สมารถทำได้ดีเลยทีเดียวโดยการพาทีมคว้าอันดับ 4 ของลีก และคว้าตั๋วไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกส์ ให้ทีมได้สำเร็จ โดยในซีซั่นนี้เขาลงเล่นในลีกไป 38 นัด และทำได้ 6 ประตุ และอีก 1 ประตูจาก 2 แมตช์ ในยูฟ่าคัพ
พนันบอลออนไลน์
ฤดูกาลที่ 2003-2004 ในปีนี้เขาโชว์ฟอร์มได้ดีพอสมควร ทั้งในทีมชาติอังกฤษ และสโมสรเชลซี ซึ่งเขาลงเล่นในลีกไป 38 นัด และยิงไปได้ 10 ประตู และอีก 4 ประตู จาก 14 เกมในยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกส์ และเขาได้รางวัลอันดับ 2 นักเตะยอดเยี่ยมจาก พีเอฟเอ โดยเป็นรองทางด้าน เธียร์รี่ อองรี ยอดนักเตะระดับโลกของอาร์เซน่อล และปีนี้เองที่เขาทำประตูให้ทีมชาติได้เป็นครั้งแรก ในนัดกระชับมิตรกับ โครเอเชีย เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ. 2003
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2004 ที่โปรตุเกส ปีนี้เขาได้มีชื่อเป็นตัวจริงในฐานะนักเตะคนสำคัญของทีม การลงเล่นในนัดแรกได้พบกับฝรั่งเศส และในนัดนั้นอังกฤษชนะไป 2-1 โดยแลมพาร์ด เขาทำได้ 1 ประตู และในนัดต่อมาเจอกับทีมชาติ สวิตเซอร์แลนด์ เขาก็พาทีมชนะไปได้ 3-0 และนัดต่อมาพบกับโครเอเชีย และแลมพาร์ดก็ได้ยิงอีก 1 ประตูจากชัยชนะ 4-2 แต่แล้วอังกฤษก็ต้องมาอกหักตกรอบเพราะเจ้าภาพในรอบต่อมาจากการดวลจุดโทษ
พนันบอลออนไลน์
ฤดูกาล 2009-2010 เขาสามารถคว้าดับเบิ้ลแชมป์กับเชลซีเป็นครั้งแรกได้สำเร็จ โดยการที่ทีมเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ โดยเขาซัดไปทั้งหมด 27 ประตูรวมทุกรายการในตำแหน่งกองกลาง
ฤดูกาลที่ 2010-2011 เป็นอีกหนึ่งซีซั่นที่เลวร้ายมากสำหรับเขา ซึ่งเขาได้มีอาการบาดเจ็บเข้ามารบกวนอยูบ่อยๆมำให้เขาได้ลงเล่นไปแค่ 32 นัด และทำไปได้เพียง 13 ประตุ รวมทักรายการโดยแบ่งเป็น พรีเมียร์ลีก 10 ลูก และเอฟเอคัพ 3 ลูก
ฤดูกาล 2014-2015 แลมพาร์ด ได้ย้ายออกจากทีมเชลซี สโมสรที่เขาได้ประสบความสำเร็จและได้มีชื่อเสียงมากมาย ไปซบยังถิ่น นิวยอร์ค ซิตี้ ของ เมเจอร์ลีก สหรัฐอเมริกา แต่เขายังไม่ได้ลงเล่นให้กับต้นสังกัดเลย ก็ถุกสโมสรแมนฯซิตี้ยืมตัวมาซะก่อน และพร้อมได้ประกาศว่าเขาจะเลิกเล่นให้กับทีมชาติ โดยเขาทำสถิติติดทีมชาติทั้งสิ้น 106 นัด และยิงประตูไปได้ทั้งหมด 29 ลูก
พนันบอลออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น